คอนเฟิร์มได้เลยว่าคนที่มาเที่ยวไอซ์แลนด์ต้องเป็นคนที่ตั้งใจมาหาธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือตัวท็อปด้านความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ราวกับพาเราเข้าไปอยู่ในหนังสือเรียน “โลกของเรา”
ไอซ์แลนด์ เป็นดินแดนที่เกิดจากภูเขาไฟและมีธารน้ำแข็งทำให้คนตั้งฉายาว่า “Land of Fire and Ice” เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เมืองหลวงเรคยาวิก ตอนมองออกไปนอกหน้าต่างยังคิดว่านี่เรามาลงบนดวงจันทร์หรือเปล่า เพราะพื้นที่ดูแปลกตาส่วนใหญ่เป็นลานหินที่เกิดจากลาวา มีแต่เนินเขาปกคลุมด้วยหญ้าเขียวๆ กว้างไกล ต้นไม้สูงๆ ก็ไม่มี พูดกันขำๆ ว่า “Don’t go to Moon, go to Iceland!” มันจริงมากๆ เรียกว่ามาไอซ์แลนด์เหมือนมาเรียนภูมิศาตร์โลก ครั้งนี้ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวชื่อเก๋ไก๋ว่า The Golden Circle หรือเส้นทางท่องเที่ยววงแหวนทองคำ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับทองคำ แต่หมายถึงเส้นทางสุดฮิตที่ใครมาไอซ์แลนด์ก็ต้องมาเที่ยวให้ได้ นับเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ |
เริ่มกันที่ อุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่สำคัญ เพราะเป็นจุดที่เปลือกโลกสองทวีปคือยูเรเชียและอเมริกาเหนือมาจรดกันทำให้เกิดเป็นหุบเขารอยแยกและหน้าผาสูงชัน การดันตัวของเปลือกโลกนี้เองมีส่วนในการสร้างไอซ์แลนด์เมื่อหลายล้านปีก่อน เรามองเห็นสภาพภูมิประเทศนี้ได้ชัดเจนที่สุดโดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ การเดินเล่นในแผ่นดินใหม่แห่งนี้สวยแปลกตาไม่น้อย ความแฟนตาซีข้างต้นดันสวยโดนใจจนเป็นโลเคชันถ่ายทำซีรีส์ชื่อดังอย่างเกมออฟโทรนส์อีกด้วย ที่ว้าวสุดๆ คือมีทะเลสาบธิงวาลลาวาทน์ (Thingvallavatn) ที่น้ำละลายจากธารน้ำแข็งลางโจกุลล์ (Langjokull) ไหลเข้าไปเติมเต็มช่องหินลาวาใต้ดินที่มีรูพรุน ทำให้เป็นแหล่งน้ำใสสีสวยท่ามกลางร่องหินลาวา ที่นี่ยังมีผู้คนมาดำน้ำอีกด้วย
ไอซ์แลนด์มีน้ำตกเยอะมากๆ แต่ที่ต้องไปชมคือ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall) ชื่อน้ำตกมีความหมายว่า น้ำตกทองคำ (Golden Falls) ในที่สุดเราก็เจอที่มาของชื่อ The Golden Circle แล้ว กุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ราวกับเป็นน้ำตกไนแอการาแห่งไอซ์แลนด์เลยนะ น้ำไหลมาจากแม่น้ำฮวิทเอา (Hvítá) หรือ White River และธารน้ำแข็งลางโจกุลล์ ความมหึมาของน้ำตกทำให้เกิดเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ น้ำไหลแรง และในช่วงที่แสงแดดส่องลงมาจะเกิดเป็นรุ้งพาดผ่านสวยงามมากจริงๆ นอกจากนี้ยังมีทางเดินยาวตลอดแนวน้ำตก ฤดูร้อนจะพบกับสายน้ำตกขนาดมหึมาตัดกับทุ่งหญ้าเขียวๆ ฤดูหนาวพบกับน้ำตกที่เป็นน้ำแข็ง ถ่ายรูปออกมาดูอลังการสวยงามแปลกตา
น้ำพุร้อนหรือกีย์เซอร์ (Geyser) เกิดจากพลังงานความร้อนใต้พิภพอันน่าทึ่ง ด้วยความที่เป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟทำให้มีแหล่งพลังงานใต้พิภพเต็มไปหมดไม่แพ้มิดเดิลเอิร์ธในลอร์ดออฟเดอะริงส์ ไอซ์แลนด์จึงมีน้ำพุร้อนอยู่หลายแห่งซึ่งน้ำพุ่งสูงปรี๊ดหลายสิบเมตรและขึ้นถี่ๆ เรียกว่ามาเมื่อไรก็เจอ พุ่งไปให้สุดแล้วหยุดที่พระเอกของเรา นั่นคือ น้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur Geyser) ที่พ่นน้ำขึ้นสูงราว 20 - 40 เมตรในทุกๆ 10 นาที ถ่ายรูปออกมาแล้วดูน่าตื่นตาตื่นใจคุ้มค่ามาก ส่วนใครอยากหาประสบการณ์ดีๆ ต้องไปพักที่หมู่บ้านเลยการ์วาทน์ (Laugarvatn) มีรีสอร์ตที่มีบริการสปา อบไอน้ำ บ่อโคลนเดือด สระน้ำร้อนเต็มไปหมด
นี่เป็นเพียงบางส่วนที่สำคัญของเส้นทาง The Golden Circle แต่ยังมีที่เที่ยวอีกนับไม่ถ้วนรอท่านอยู่ไอซ์แลนด์ไปแทนกันไม่ได้ต้องมาด้วยตนเอง เตรียมตั้งตารอพบกับโปรแกรมสุดพิเศษของแอมเวย์ได้เลยในการสัมมนานักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรและสูงขึ้นไป 2567 สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น |